วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2551
วันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551
โครงงานผักบุ้ง
กิตติกรรมประกาศ
โครงงานเกษตร เรื่อง “การปลูกผักบุ้งจีน” คณะผู้จัดทำขอขอบคุณ อาจารย์.........อาจารย์ที่ปรึกษา ที่ให้คำปรึกษา ช่วยเหลือด้านงบประมาณและวัสดุอุปกรณ์ ขอขอบคุณผู้ปกครองของสมาชิกในกลุ่มทุกท่าน ที่ให้คำแนะนำ สนับสนุนให้ทำงาน ตลอดทั้งเพื่อนๆนักเรียนที่อาสามาบำรุงดูแลรักษาให้ผักเจริญเติบโตได้ดี
คณะผู้จัดทำขอขอบคุณทุกท่านที่กล่าวไว้ ณ ที่นี้ด้วย
คณะผู้จัดทำ
ผักบุ้งจีน
ผักบุ้งที่ปลูกในประเทศไทย มี ประเภท ผักบุ้งไทย (Ipomoea aquatic Var. aquatica) มีดอกสีม่วงอ่อน ก้านสีเขียวหรือม่วงอ่อน ใบสีเขียวเข้ม และก้านใบสีม่วง และผักบุ้งจีน (Ipomoea aquatica Var. reptans) ซึ่งมีใบสีเขียว ก้านสีเหลืองหรือขาว ก้านดอกและดอกสีขาว ผักบุ้งจีนนิยมนำมาประกอบอาหารกว้างขวางกว่าผักบุ้งไทย จึงนิยมปลูกเป็นการค้าอย่างแพร่หลาย ทั้งการปลูกเพื่อบริโภคสด และการผลิตเมล็ดพันธุ์ ปัจจุบันผักบุ้งจีนได้พัฒนาเป็นพืชผักส่งออกที่มีความสำคัญ โดยส่งออกทั้งในรูปผักสด และเมล็ดพันธุ์ การส่งออกเฉพาะผักบุ้งจีนเพื่อบริโภคสดไม่มีตัวเลขแน่นอน เพราะรวมผักบุ้งจีนในหมวดผักสดอื่น ๆ ซึ่งได้แก่ ผักสดชนิดต่าง ๆ ตลาดที่สำคัญคือฮ่องกง มาเลเซีย และสิงคโปร์ สำหรับเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนประเทศไทยสามารถส่งออกเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนในปี 2538 ปริมาณ 540.6 ตัน มูลค่าการส่งออก 19.8 ล้านบาท
จากสถิติ การปลูกผักของกรมส่งเสริมการเกษตร ปี 2536/2537 มีพื้นที่ปลูกผักบุ้งจีนถึง 54,302 ไร่ ผลผลิตสด 50,237 ตัน ผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ 925 กิโลกรัม แหล่งปลูกผักบุ้งจีนเพื่อบริโภคสด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี นครปฐม ปทุมธานี ราชบุรี นครนายก พิษณุโลก พิจิตร นครสวรรค์ ขอนแก่น อุบลราชธานี นครราชสีมา และสงขลา เป็นต้น สำหรับแหล่งผลิตเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนเป็นการค้าที่สำคัญ ได้แก่ นครปฐม สุพรรณบุรี และกาญจนบุรี
ผักบุ้งจีนเป็นพืชผักที่นิยมรับประทานกันมาก มีคุณค่าทางอาหารสูงประกอบด้วยไวตามิน และแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย โดยเฉพาะไวตามิน เอ ซึ่งเชื่อกันว่าช่วยบำรุงสายตา มีปริมาณสูงถึง 9,550 หน่วยสากล ในส่วนที่รับประทานได้สด 100 กรัม หรือ 6,750 หน่วยสากล ในส่วนที่รับประทานได้เมื่อสุกแล้ว 100 กรัม นอกจากนี้ยังมี แคลเซี่ยม ฟอสฟอรัสและไวตามินซีเป็นองค์ประกอบสำคัญด้วย
ผักบุ้งจีน
เป็นผักที่คนไทยอาศัยเก็บจากแหล่งน้ำโดยไม่ต้องซื้อจากตลาดเป็นผักที่ราคาถูกมุคุณค่าทางด้านอาหารมากเป็นผักบำรุงสายตามีสารชนิดหนึ่งที่คล้ายกับอินสุลินทำหน้าที่ลดระดับน้ำตาลเป็นยผักที่มีธาตุเย็นช่วยลดการร้อนในขึ้นได้ดีในดินทุกชนิดชอบดินชื้นแฉะป้องกันแสงแดดอย่างเต็มที่ชอบแดดจัดหลังจากการหว่านเมล็ดไป25-30วันจะเก็บรับประทานได้อาจเลือกวิธีตัดต้นให้เหลือตอเพื่อที่จะแตกใหม่หรือถอนทั้งรากก็ได้
1. การเลือกที่ปลูก การปลูกผักบุ้งจีนเพื่อการบริโภคสดเป็นการปลูกผักบุ้งจีนแบบหว่าน หรือโรยเมล็ดลงบนแปลงปลูกโดยตรง เมื่อถึงอายุเก็บเกี่ยว 20-25 วัน จะถอนต้นผักบุ้งจีนทั้งต้นและรากออกจากแปลงปลูกไปบริโภคหรือไปจำหน่ายต่อไป ในการปลูกนั้นควรเลือกปลูกในที่มีการคมนาคมขนส่งสะดวก สภาพที่ดอน น้ำไม่ท่วม หรือเป็นแบบสวนผักแบบยกร่อง เช่น เขตภาษีเจริญ บางแค กรุงเทพฯ บางบัวทอง นนทบุรี นครปฐม และราชบุรี เป็นต้น ลักษณะดินปลูกควรเป็นดินร่วนหรือดินร่วนปนทราย เพื่อถอนต้นผักบุ้งจีนได้ง่าย และควรอยู่ใกล้แหล่งน้ำ เพื่อสะดวกในการรดน้ำในช่วงการปลูก และทำความสะอาดต้นและรากผักบุ้งจีนในช่วงการเก็บเกี่ยว
2. การเตรียมดิน ผักบุ้งจีนเป็นพืชผักที่มีระบบรากตื้น ในการเตรียมดินควรไถตะตากดินไว้ประมาณ 15-30 วัน แล้วดำเนินการไถพรวนและขึ้นแปลงปลูก ขนาดแปลงกว้าง 1.5-2 เมตร ยาว 10-15 เมตร เว้นทางเดินระหว่างแปลง 40-50 เซนติเมตร เพื่อสะดวกในการปฏิบัติดูแลรักษา ใส่ปุ๋ยคอก (มูลสุกร เป็ด ไก่ วัว ควาย) หรือปุ๋ยหมักที่สลายตัวดีแล้ว คลุกเคล้าลงไปในดิน พรวนย่อยผิวหน้าดินให้ละเอียดพอสมควรปรับหลังแปลงให้เรียบเสมอกัน อย่าให้เป็นหลุมเป็นบ่อ เมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนจะขึ้นไม่สม่ำเสมอทั้งแปลง ถ้าดินปลูกเป็นกรด ควรใส่ปูนขาวเพื่อปรับระดับพีเอชของดินให้สูงขึ้น
โครงงานเกษตร เรื่อง “การปลูกผักบุ้งจีน” คณะผู้จัดทำขอขอบคุณ อาจารย์.........อาจารย์ที่ปรึกษา ที่ให้คำปรึกษา ช่วยเหลือด้านงบประมาณและวัสดุอุปกรณ์ ขอขอบคุณผู้ปกครองของสมาชิกในกลุ่มทุกท่าน ที่ให้คำแนะนำ สนับสนุนให้ทำงาน ตลอดทั้งเพื่อนๆนักเรียนที่อาสามาบำรุงดูแลรักษาให้ผักเจริญเติบโตได้ดี
คณะผู้จัดทำขอขอบคุณทุกท่านที่กล่าวไว้ ณ ที่นี้ด้วย
คณะผู้จัดทำ
ผักบุ้งจีน
ผักบุ้งที่ปลูกในประเทศไทย มี ประเภท ผักบุ้งไทย (Ipomoea aquatic Var. aquatica) มีดอกสีม่วงอ่อน ก้านสีเขียวหรือม่วงอ่อน ใบสีเขียวเข้ม และก้านใบสีม่วง และผักบุ้งจีน (Ipomoea aquatica Var. reptans) ซึ่งมีใบสีเขียว ก้านสีเหลืองหรือขาว ก้านดอกและดอกสีขาว ผักบุ้งจีนนิยมนำมาประกอบอาหารกว้างขวางกว่าผักบุ้งไทย จึงนิยมปลูกเป็นการค้าอย่างแพร่หลาย ทั้งการปลูกเพื่อบริโภคสด และการผลิตเมล็ดพันธุ์ ปัจจุบันผักบุ้งจีนได้พัฒนาเป็นพืชผักส่งออกที่มีความสำคัญ โดยส่งออกทั้งในรูปผักสด และเมล็ดพันธุ์ การส่งออกเฉพาะผักบุ้งจีนเพื่อบริโภคสดไม่มีตัวเลขแน่นอน เพราะรวมผักบุ้งจีนในหมวดผักสดอื่น ๆ ซึ่งได้แก่ ผักสดชนิดต่าง ๆ ตลาดที่สำคัญคือฮ่องกง มาเลเซีย และสิงคโปร์ สำหรับเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนประเทศไทยสามารถส่งออกเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนในปี 2538 ปริมาณ 540.6 ตัน มูลค่าการส่งออก 19.8 ล้านบาท
จากสถิติ การปลูกผักของกรมส่งเสริมการเกษตร ปี 2536/2537 มีพื้นที่ปลูกผักบุ้งจีนถึง 54,302 ไร่ ผลผลิตสด 50,237 ตัน ผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ 925 กิโลกรัม แหล่งปลูกผักบุ้งจีนเพื่อบริโภคสด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี นครปฐม ปทุมธานี ราชบุรี นครนายก พิษณุโลก พิจิตร นครสวรรค์ ขอนแก่น อุบลราชธานี นครราชสีมา และสงขลา เป็นต้น สำหรับแหล่งผลิตเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนเป็นการค้าที่สำคัญ ได้แก่ นครปฐม สุพรรณบุรี และกาญจนบุรี
ผักบุ้งจีนเป็นพืชผักที่นิยมรับประทานกันมาก มีคุณค่าทางอาหารสูงประกอบด้วยไวตามิน และแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย โดยเฉพาะไวตามิน เอ ซึ่งเชื่อกันว่าช่วยบำรุงสายตา มีปริมาณสูงถึง 9,550 หน่วยสากล ในส่วนที่รับประทานได้สด 100 กรัม หรือ 6,750 หน่วยสากล ในส่วนที่รับประทานได้เมื่อสุกแล้ว 100 กรัม นอกจากนี้ยังมี แคลเซี่ยม ฟอสฟอรัสและไวตามินซีเป็นองค์ประกอบสำคัญด้วย
ผักบุ้งจีน
เป็นผักที่คนไทยอาศัยเก็บจากแหล่งน้ำโดยไม่ต้องซื้อจากตลาดเป็นผักที่ราคาถูกมุคุณค่าทางด้านอาหารมากเป็นผักบำรุงสายตามีสารชนิดหนึ่งที่คล้ายกับอินสุลินทำหน้าที่ลดระดับน้ำตาลเป็นยผักที่มีธาตุเย็นช่วยลดการร้อนในขึ้นได้ดีในดินทุกชนิดชอบดินชื้นแฉะป้องกันแสงแดดอย่างเต็มที่ชอบแดดจัดหลังจากการหว่านเมล็ดไป25-30วันจะเก็บรับประทานได้อาจเลือกวิธีตัดต้นให้เหลือตอเพื่อที่จะแตกใหม่หรือถอนทั้งรากก็ได้
1. การเลือกที่ปลูก การปลูกผักบุ้งจีนเพื่อการบริโภคสดเป็นการปลูกผักบุ้งจีนแบบหว่าน หรือโรยเมล็ดลงบนแปลงปลูกโดยตรง เมื่อถึงอายุเก็บเกี่ยว 20-25 วัน จะถอนต้นผักบุ้งจีนทั้งต้นและรากออกจากแปลงปลูกไปบริโภคหรือไปจำหน่ายต่อไป ในการปลูกนั้นควรเลือกปลูกในที่มีการคมนาคมขนส่งสะดวก สภาพที่ดอน น้ำไม่ท่วม หรือเป็นแบบสวนผักแบบยกร่อง เช่น เขตภาษีเจริญ บางแค กรุงเทพฯ บางบัวทอง นนทบุรี นครปฐม และราชบุรี เป็นต้น ลักษณะดินปลูกควรเป็นดินร่วนหรือดินร่วนปนทราย เพื่อถอนต้นผักบุ้งจีนได้ง่าย และควรอยู่ใกล้แหล่งน้ำ เพื่อสะดวกในการรดน้ำในช่วงการปลูก และทำความสะอาดต้นและรากผักบุ้งจีนในช่วงการเก็บเกี่ยว
2. การเตรียมดิน ผักบุ้งจีนเป็นพืชผักที่มีระบบรากตื้น ในการเตรียมดินควรไถตะตากดินไว้ประมาณ 15-30 วัน แล้วดำเนินการไถพรวนและขึ้นแปลงปลูก ขนาดแปลงกว้าง 1.5-2 เมตร ยาว 10-15 เมตร เว้นทางเดินระหว่างแปลง 40-50 เซนติเมตร เพื่อสะดวกในการปฏิบัติดูแลรักษา ใส่ปุ๋ยคอก (มูลสุกร เป็ด ไก่ วัว ควาย) หรือปุ๋ยหมักที่สลายตัวดีแล้ว คลุกเคล้าลงไปในดิน พรวนย่อยผิวหน้าดินให้ละเอียดพอสมควรปรับหลังแปลงให้เรียบเสมอกัน อย่าให้เป็นหลุมเป็นบ่อ เมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนจะขึ้นไม่สม่ำเสมอทั้งแปลง ถ้าดินปลูกเป็นกรด ควรใส่ปูนขาวเพื่อปรับระดับพีเอชของดินให้สูงขึ้น
3. วิธีการปลูก ก่อนปลูกนำเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนไปแช่น้ำนาน 6-12 ชั่วโมง เพื่อให้เมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนดูดซับน้ำเข้าไปในเมล็ด มีผลให้เมล็ดผักบุ้งจีนงอกเร็วขึ้น และสม่ำเสมอกันดี เมล็ดผักบุ้งจีนที่ลอยน้ำจะเป็นเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนที่ไม่สมบูรณ์ ไม่ควรนำมาเพาะปลูก ถึงแม้จะขึ้นได้บ้าง แต่จะไม่สมบูรณ์แข็งแรงอาจจะเป็นแหล่งทำให้เกิดโรคระบาดได้ง่าย นำเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนที่ดีไม่ลอยน้ำมาหว่านให้กระจายทั่วทั้งแปลงให้เมล็ดห่างกันเล็กน้อย ต่อจากนั้นนำดินร่วนหรือขี้เถ้าแกลบดำหว่านกลบเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนหนาประมาณ 2-3 เท่าของความหนาของเมล็ดหรือประมาณ 0.5 เซนติเมตร แต่ถ้าแหล่งที่ปลูกนั้นมีเศษฟางข้าว จะใช้ฟางข้าวคลุมแปลงปลูกบาง ๆ เพื่อช่วยเก็บรักษาความชื้นในดิน หรือทำให้หน้าดินปลูกผักบุ้งจีนไม่แน่นเกินไป รดน้ำด้วยบัวรดน้ำหรือใช้สายยางติดฝักบัวรดน้ำให้ความชื้น แปลงปลูกผักบุ้งจีนทุกวัน ๆ ละ 1-2 ครั้ง ประมาณ 2-3 วัน เมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีน จะงอกเป็นต้นผักบุ้งจีนต่อไป
การผลิตเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีน
การปลูกผักบุ้งจีนเพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์เป็นการค้า สามารถปลูกได้ทั้งที่ดอนและที่ลุ่ม ซึ่งถ้าปลูกในสภาพที่ดอน เรียกว่า "ไร่ผักบุ้ง" เช่นที่จังหวัดสุพรรณบุรี แต่ถ้าปลูกในที่ลุ่ม เรียกว่า "นาผักบุ้ง" เช่น จังหวัดนครปฐมและสุโขทัย เป็นต้น ในด้านปริมาณและคุณภาพของผลผลิต การปลูกผักบุ้งจีนในที่ลุ่มแบบนาข้าวจะให้ผลผลิตสูง และมีคุณภาพดีกว่าการปลูกในที่ดอน โดยทั่วไปการปลูกผักบุ้งจีนในที่ลุ่มแบบนาข้าว จะให้ผลผลิตเมล็ดพันธุ์ประมาณ 200-300 กิโลกรัมต่อไร่ ส่วนในที่ดอนสภาพไร่จะให้ผลผลิตประมาณ 150-200 กิโลกรัมต่อไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพันธุ์ สภาพพื้นที่ปลูก และการปฏิบัติดูแลรักษา
การผลิตเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนในที่ดอน
เป็นการปลูกผักบุ้งจีนแบบหยอดเมล็ดลงปลูกในไร่โดยตรง เช่นเดียวกับการปลูกพืชไร่ทั่วไป โดยมีการปลูกและปฏิบัติดูแล ดังนี้ การเลือกพื้นที่ปลูก การปลูกผักบุ้งจีน เพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์ในสภาพที่ดอนนั้น ควรเลือกปลูกในพื้นที่ที่มีการคมนาคมขนส่งสะดวก ไม่เป็นที่ตามแนวเขา หรือที่มีลักษณะลาดเทเกินไป พื้นที่ปลูกผักบุ้งจีนนั้นไม่ควรอยู่ใกล้กับแหล่งปลูกฝ้าย หรืออยู่ติดกับป่าเขามาก เพราะในพื้นที่ที่มีการปลูกฝ้ายหรือพื้นที่สภาพป่า จะมีแมลงศัตรูพืชอยู่มาก โดยเฉพาะฝ้ายจะมีหนอนกระทู้ผัก หรือหนอนเจาะสมออเมริกันเข้าทำลายมาก ซึ่งหนอนเหล่านี้สามารถทภลายผักบุ้งจีนได้เช่นกัน ส่วนพื้นที่ใกล้ป่าเขาหรือป่าไม้ทั่วไปนั้น นอกจากจะมีหนอนที่กัดกินใบผักบุ้งจีนแล้ว ยังมีตั๊กแตนอีกหลายชนิดที่ชอบกัดกินใบผักบุ้งจีน ทำให้เสียแรงงานและค่าใช้จ่าย เป็นการป้องกันกำจัดแมลงศัตรูพืชสูง ซึ่งพื้นที่ใดที่เกษตรกรเคยปลูกถั่วเหลือง ถั่วเขียว หรือข้าวโพดได้ดี ก็สามารถปลูกผักบุ้งจีนเพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์ ได้ดีเช่นเดียวกัน ฤดูปลูกที่เหมาะสม การปลูกผักบุ้งจีนเพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์จะปลูกได้ปีละครั้ง ซึ่งการปลูกผักุ้งจีนในสภาพที่ดอน จะต้องอาศัยน้ำฝนและน้ำค้างช่วยในการเจริญเติบโตเท่านั้น และที่สำคัญผักบุ้งจีนจะออกดอกปีละครั้ง ในช่วงวันสั้นตรงกับฤดูหนาวพอดี ถ้าปลูกเร็วเกินไป เช่น ปลูกในช่วงต้นฤดูฝนตั้งแต่เดือนมิถุนายน-กรกฎาคม หรือต้นเดือนสิงหาคม ผักบุ้งจีนอาจมีการเจริญเติบโต และทอดยอดได้ดีมากจนเกิดความจำเป็น โดยยอดและใบผักบุ้งจีนที่ปลูกในช่วงดังกล่าว อาจเลื้อยทับกัน หรือมีเถาซ้อนกันอยู่มาก มีผลทำให้เกิดโรคใบจุด หรือโรคเถาเน่าได้ง่ายกว่าก่อนถึงช่วงออกดอกติดผล และเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์ ทำให้เสียค่าใช้จ่าย ในการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดโรคและแมลงสูง ฉะนั้น ช่วงการปลูกผักบุ้งจีนในที่ดอนที่เหมาะสม ควรเริ่มปลูกตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคมในแหล่งที่ฝนตกน้อย และปลูกตั้งแต่กลางเดือนกันยายนถึงเดือนตุลาคม ในแหล่งที่มีฝนตกมาก
การเตรียมดิน ใช้รถแทรกเตอร์ไถดะตากไว้ประมาณ 15-30 วัน หรือจะมากกว่านี้ก็ได้ ต่อจากนั้นทำการไถแปรหรือไถพรวนดินปลูกให้ร่วน พร้อมที่จะหยอดเมล็ดลงปลูกได้
การปลูก หลังจากไถพรวนดินจนร่วนดีแล้ว จึงนำเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนที่จัดเตรียมไว้มาปลูกลงแปลงหลุมละ 3-5 เมล็ด ใช้ระยะปลูกระหว่างต้น 50 เซนติเมตร ระหว่างแถว 50 เซนติเมตร แต่ถ้าดินอุดมสมบูรณ์ดีจะใช้ระยะระหว่างต้น 50 เซนติเมตร ระหว่างแถว 100 เซนติเมตร ก็ได้โดยพื้นที่ 1 ไร่ จะใช้เมล็ดพันธุ์ประมาณ 3 กิโลกรัม เมื่อขุดหลุมปลูกและหยอดเมล็ดผักบุ้งจีนแล้ว ให้ใช้ดินกลบหลุมปลูกด้วย หนาประมาณ 2-3 เซนติเมตร แต่ถ้ามีเครื่องหยอดเมล็ดแบบเครื่องหยอดถั่วเหลือง หรือถั่วเขียวก็สามารถนำมาใช้ในการปลูกผักบุ้งจีนได้ หลังจากปลูกแล้วประมาณ 3-5 วัน ถ้าดินปลูกมีความชื้นหรือมีฝนตก ผักบุ้งจีนจะเริ่มงอกเป็นต้นกล้าต่อไป
การปฏิบัติดูแล
การถอนแยกและการตัดแต่งยอด หลังจากปลูกผักบุ้งจีนลงแปลงได้ประมาณ 10-15 วัน ให้ถอนต้นผักบุ้งจีนที่ไม่สมบูรณ์ หรือมีจำนวนตันขึ้นมากออกให้เหลือหลุมละ 3 ต้น ส่วนหลุมที่ไม่ขึ้นอาจจะใช้วิธีการหยอดเมล็ดปลูกซ่อม หรือจะใช้วิธีการถอนต้นจากหลุมข้างเคียง ที่มีหลายต้นมาปลูกซ่อมก็ได้ ไม่ควรปล่อยให้หลุมปลูกว่างเปล่า หลังจากปลูกได้ 3 อาทิตย์ จนถึง 1 เดือน ถ้ามีเวลาว่างหรือแรงงานเพียงพอ ควรใช้กรรไกรตัดปลายยอดผักบุ้งจีนออกทุกต้น เพื่อกระตุ้นให้มีการแตกแขนงหรือออกยอดทางด้านข้างมากขึ้นหลาย ๆ ยอดในเวลาใกล้เคียงกันทุกต้นทั้งไร่ ซึ่งถ้าผักบุ้งจีนแต่ละต้นแตกแขนง หรือทอดยอดจากต้นในเวลาใกล้เคียงกัน เมื่อถึงช่วงการออกดอกติดเมล็ดผักบุ้งจีนทั้งไร่จะมีเมล็ดที่สมบูรณ์ดี และสามารถเก็บเกี่ยวได้ในเวลาใกล้เคียงกัน ทำให้ได้ผลผลิตสูงและเมล็ดมีคุณภาพดีอีกด้วย การพรวนดินและกำจัดวัชพืช หลังจากปลูกผักบุ้งจีนไปแล้วประมาณ 10-15 วัน หรือก่อนที่ผักบุ้งจีนจะแตกแขนงทอดยอด ควรมีการพรวนดินและกำจัดวัชพืชในไร่ผักบุ้งจีนให้สะอาด ส่วนสารเคมีกำจัดวัชพืชหลังจากปลูก ต้องเลือกชนิดที่ไม่เป็นอันตรายกับผักบุ้งจีน โดยฉีดพ่นประมาณ 1-3 ครั้ง จนถึงช่วงผักบุ้งจีนเลื้อยคลุมแปลงก็ไม่ต้องพรวนดินกำจัดวัชพืชอีก เพราะอาจจะเหยียบย่ำเถาผักบุ้งเสียหายได้ การใส่ปุ๋ย ในแหล่งปลูกที่หาปุ๋ยคอกมาใส่แปลงปลูกได้ไม่ยากนัก เช่น ปุ๋ยคอกจากมูลสุกร เป็ด ไก่ วัว ควาย ควรมีการใส่ปุ๋ยคอกก่อนปลูก โดยจะใช้วิธีหว่านแล้วไถกลบ หรือจะใส่รองก้นหลุมก็ได้ เพื่อให้โครงสร้างขอดินปลูกดีขึ้น อีกทั้งปุ๋ยคอกจะมีธาตุไนโตรเจนสูง ทำให้ผักบุ้งจีนเจริญเติบโตได้ดีกว่าไม่มีการใส่ปุ๋ยคอกเลย ส่วนปุ๋ยเคมีนั้นควรใช้ปุ๋ยสูตร 12-24-12 อัตรา 50 กิโลกรัมต่อไร่ รองพื้นก่อนปลูกและเมื่อผักบุ้งจีนมีอายุได้ 60 วัน หรือใกล้ช่วงออกดอกติดผลให้ฉีดพ่นปุ๋ยน้ำทางใบ โดยเลือกปุ๋ยที่มีธาตุอาหารตัวกลางสูง ๆ เช่น 20-30-20 เป็นต้น จะช่วยให้ผักบุ้งจีนออกดอกและติดเมล็ดได้ดีขึ้น
การจัดเถา เมื่อผักบุ้งจีนเริ่มทอดยอดหลายยอดแล้ว ควรมีการจัดเถาผักบุ้งจีนให้เลื้อยคลุมแปลงหลายทิศทางเต็มพื้นที่ ไม่ควรปล่อยให้ผักบุ้งจีนทอดยอด หรือเลื้อยไปทางใดทางหนึ่งมากเกินไป เพราะยอดหรือเถาผักบุ้งจีนจะทับถมกันมาก ส่วนเถาหรือใบที่อยู่ด้านล่างจะเป็นโรคใบจุดหรือเน่าเสียหายได้ง่าย สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการป้องกันกำจัดโรคและแมลงศัตรูผักบุ้งจีน การป้องกันกำจัดโรคและแมลง การปลูกผักบุ้งจีนเพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์ในสภาพที่ดอน จะใช้เวลาปลูกจนถึงเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์ประมาณ 4 เดือน ซึ่งช่วงดังกล่าวอาจมีโรคและแมลงศัตรูผักบุ้งจีนเข้าทำลาย ทำให้ผักบุ้งจีนชะงักการเจริญเติบโต ออกดอกและติดเมล็ดไม่สมบูรณ์ ทำให้ผลผลิตและเมล็ดมีคุณภาพต่ำ หรือเก็บเกี่ยวผลผลิตไม่ได้เลย ดังนั้นผู้ปลูกควรดูแลเอาใจใส่ ในการป้องกันกำจัดโรคและแมลงศัตรูผักบุ้งจีนอยู่เสมอ
การเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์ หลังจากปลูกผักบุ้งจีนได้ 4 เดือน เมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนจะเริ่มแก่ และเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์ได้ โดยสังเกตจากใบผักบุ้งจีนจะมีสีเหลืองเถาเริ่มเหี่ยว ผักบุ้งจีนหยุดการออกดอก ผักที่ติดเมล็ดจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลจำนวนมาก เมื่อเห็นว่าผักบุ้งจีนแก่ได้ประมาณ 80 เปอร์เซนต์ ของต้นทั้งไร่แล้ว ให้นำจอบมาถากที่โคนต้นทิ้งไว้ 2-3 วัน ต่อจากนั้นให้ม้วนเถาผักบุ้งจีนมากองรวมกัน ผึ่งแดดไว้จนแห้ง
การนวดและเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์
หลังจากตากเถาผักบุ้งจีนจนแห้งสนิทดีแล้ว ให้นำเถาผักบุ้งจีนที่ม้วนไว้ไปนวดกับเครื่องนวดเมล็ดพันธ์ โดยอาจจะใช้เครื่องนวดข้าวหรือเครื่องนวดถั่วเหลือง ที่ได้ดัดแปลงตะแกรงให้มีขนาดเหมาะสมกับเมล็ดพันธุ์ เพื่อนวดเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนออกจากฝัก แล้วทำความสะอาดเมล็ดพันธุ์ คัดเมล็ดพันธุ์ที่ไม่สมบูรณ์ ถูกแมลงทำลายหรือมีสิ่งเจือปน เช่น ก้อนหินและก้อนดินเล็ก ๆ ออกให้หมด จากนั้นนำเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนมาบรรจุกระสอบ เพื่อจัดส่งตลาดต่อไป ส่วนเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนที่จะเก็บไว้ทำพันธุ์ในปีต่อไปนั้น ให้นำมาคลุกกับปูนขาว โดยใช้ปูนขาว 10 กรัม ต่อเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีน 1 กิโลกรัม หรือจะเก็บไว้ในปิ๊บใส่ขนมปังที่ทำความสะอดาแล้ว โดยใส่ลงไปในปิ๊บสูงประมาณ 3-5 นิ้ว แล้วนำกระดาษหนังสือพิมพ์มาปิดทับ จากนั้นให้นำเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนที่ใส่ถุงพลาสติก หรือถุงกระดาษมาวางบนกระดาษหนังสือพิมพ์ ก็จะสามารถเก็บเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนไว้ทำพันธุ์ หรือไว้ปลูกเพื่อการบริโภคสดได้ นอกจากนี้อาจจะนำเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนมาคลุกด้วยเมทาแลคซิล เช่น เอพรอน 35 เพื่อป้องกันกำจัดโรค และใช้สารคาร์บาริล เช่น เซฟวิน 85 เพื่อป้องกันกำจัดแมลงทำลายเมล็ดพันธ์ด้วย ทั้งนี้การเก็บเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีน ไม่ว่าจะเก็บไว้จำหน่ายหรือเก็บไว้ทำพันธุ์ จะต้องเก็บไว้ในร่มอย่าให้เปียกฝน ไม่กองทับถมกันมาก ไม่เก็บไว้ในที่ร้อนหรือชื้นเกินไป และจะต้องมีอากาศถ่ายเทสะดวก เนื่องจากเมล็ดผักบุ้งจีนจะเสื่อมความงอกได้เร็วมาก ทำให้ไม่สามารถนำไปปลูกเพื่อการบริโภคสดหรือใช้ทำพันธุ์ต่อไปได้
การผลิตเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนในที่ลุ่ม (นาผักบุ้ง)
เป็นการปลูกผักบุ้งจีนในที่ลุ่ม โดยการปักดำยอดผักบุ้งหรือท่อนพันธุ์ผักบุ้งลงปลูกในนา มีวิธีการดังนี้ การเลือกพื้นที่ปลูก การปลูกผักบุ้งจีนเพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์ในที่ลุ่มนั้น ควรเลือกปลูกในพื้นที่ที่มีการคมนาคมขนส่งสะดวก เช่นเดียวกับการปลูกผักบุ้งจีนในสภาพที่ดอน แหล่งใดที่ปลูกข้าวได้ดีก็สามารถนำผักบุ้งจีนไปปลูกได้ แต่นาข้าวในประเทศไทยส่วนใหญ่จะมีผักบุ้งไทยอยู่มาก ฤดูปลูกที่เหมาะสมโดยทั่วไปจะเริ่มเพาะกล้า หรือหยอดเมล็ดลงเพาะกล้า ตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป พอถึงปลายเดือนกันยายนถึงต้นเดือนตุลาคม จึงสามารถตัดยอดผักบุ้งจีนลงปลูกในนาต่อไป การเตรียมดิน โดยการใช้รถแทรกเตอร์ไถดะตากดินไว้ประมาณ 15-30 วัน แล้วไถแปรเอาน้ำเข้าแปลง ใช้รถแทรกเตอร์แบบไถเดินตามคราดย่อยดิน ทำเทือกแบบนาข้าว หรือจะทำการเตรียมดินแบบทำนาข้าวก็ได้
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ผักบุ้งจีน มีชื่อสามัญที่ใช้เรียกแตกต่างกันไป ในภาษาอังกฤษว่าwater convolvulus หรือ kang-kong เป็นพืชในตระกูลConvolvulaceae มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่าIpomoea aquatica Forsk. Var. reptan มีถิ่นกำเนิดอยู่ในเขตร้อน พบได้ทั่วไปในอัฟริกา และเอเชียเขตร้อนจนถึงมาเลเซียและออสเตรเลีย ราก ผักบุ้งจีนมีรากเป็นแบบรากแก้ว มีรากแขนง แตกออกทางด้านข้างของรากแก้ว และยังสามารถแตกรากฝอยออกมาจากข้อของลำต้นได้ด้วย โดยมักจะเกิดตามข้อที่อยู่แถว ๆ โคนเถา
ลำต้น ผักบุ้งจีนเป็นไม้ล้มลุก ในระยะแรกของการเจริญเติบโตจะมีลำต้นตั้งตรง ระยะต่อไปจะเลื้อยทอดยอดไปตามพื้นดินหรือน้ำ ลำต้นมีสีเขียว มีข้อและปล้องข้างในกลวง รากจะเกิดที่ข้อทุกข้อที่สัมผัสกับพื้นดินหรือน้ำ ที่ข้อมักมีตาแตกออกมา ทั้งตาใบและตาดอก โดยตาดอกจะอยู่ด้านใน ส่วนตาใบจะอยู่ด้านนอก
ใบ เป็นใบเดี่ยว มีขอบใบเรียบ รูปใบคล้ายหอกโคนใบกว้างค่อย ๆ เรียวเล็กไปตอนปลาย ปลายใบแหลม ที่โคนใบเป็นรูปหัวใจ ขอบใบเรียบหรือเป็นคลื่น ใบมีความยาวประมาณ 7-15 เซนติเมตร ก้านใบยาว 3-8 เซนติเมตร ดอกและช่อดอก ดอกเป็นดอกสมบูรณ์ มีลักษณะเป็นช่อ มีดอกตรงกลาง 1 ดอก และดอกด้านข้างอีก 2 ดอกโดยดอกกลางจะเจริญ ก่อน แต่ละดอกประกอบด้วยกลีบเลี้ยงสีเขียว 5 อัน กลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นรูปกรวย ด้านนอกมีสีขาว ด้านในมีสีม่วง ในฤดูวันสั้น (วันละ 10-12 ชั่วโมง) จะออกดอกมีฝักและเมล็ด ในฤดูวันยาวจะเจริญเติบโตทางลำต้นและใบผักบุ้งจีนมีการผสมเกสรเป็นแบบผสมตัวเอง และมีการผสมข้ามดอกบ้างเนื่องจากลมและแมลง ดอกผักบุ้งจีนจะเริ่มบานในเวลาเช้า ละอองเกสรตัวผู้และยอดเกสรตัวเมียพร้อมที่จะผสมเวลา 10.00-15.00 น. ระยะเวลาหลังผสมจนผสมติดประมาณ 3-4 วัน และจากผสมติดจนเมล็ดแก่ประมาณ 40-50 วันผล เป็นผลเดี่ยวรูปร่างค่อนข้างกลมมีขนาดใหญ่ที่สุดอายุประมาณ 30 วัน หลังดอกบาน มีเส้นผ่าศูนย์กลางเฉลี่ย1.42 เซนติเมตร หลังจากนั้นจะมีขนาดเล็กลง ลักษณะผิวภายนอกเหี่ยวย่น ขรุขระ ไม่แตก เมื่อแห้งสีของผลเมื่อแก่จะมีสีน้ำตาลหรือน้ำตาลเข้ม ใน 1 ผลมีเมล็ด 4-5 เมล็ด
เมล็ด มีรูปร่างเป็นสามเหลี่ยมฐานมน มีสีน้ำตาล เปลือกหุ้มเมล็ดมีสี 3 ระดับ คือ สีน้ำตาลอ่อน สีน้ำตาลแก่ และสีน้ำตาลดำ มีขนาดเล็ก ความกว้างโดยเฉลี่ย 0.4 เซนติเมตร ยาว 0.5 เซนติเมตร ผักบุ้งจีนเป็นพืชที่มีอัตราการพักตัวสูงโดยจะพักตัวในลักษณะของเมล็ดแข็ง(hardseed)หรือที่เรียกว่าเมล็ดหินจากการศึกษาพบว่าเมล็ดสีเข้มกว่าจะมีเปอร์เซนต์เมล็ดแข็งสูงกว่า
ประวัติ
ผักบุ้งที่ปลูกในประเทศไทย มี ประเภท ผักบุ้งไทย(Ipomoea aquatic Var. aquatica) มีดอกสีม่วงอ่อน ก้านสีเขียวหรือม่วงอ่อน ใบสีเขียวเข้มและก้านใบสีม่วง และผักบุ้งจีน(Ipomoea aquatica Var. reptans) ซึ่งมีใบสีเขียว ก้านสีเหลืองหรือขาว ก้านดอกและดอกสีขาว ผักบุ้งจีนนิยมนำมาประกอบอาหารกว้างขวางกว่าผักบุ้งไทย จึงนิยมปลูกเป็นการค้าอย่างแพร่หลาย ทั้งการปลูกเพื่อบริโภคสด และการผลิตเมล็ดพันธุ์ ปัจจุบันผักบุ้งจีนได้พัฒนาเป็นพืชผักส่งออกที่มีความสำคัญ โดยส่งออกทั้งในรูปผักสด และเมล็ดพันธุ์ การส่งออกเฉพาะผักบุ้งจีนเพื่อบริโภคสดไม่มีตัวเลขแน่นอน เพราะรวมผักบุ้งจีนในหมวดผักสดอื่น ๆ ซึ่งได้แก่ ผักสดชนิดต่าง ๆ ตลาดที่สำคัญคือฮ่องกง มาเลเซีย และสิงคโปร์ สำหรับเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนประเทศไทยสามารถส่งออกเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนในปี 2538 ปริมาณ 540.6 ตัน มูลค่าการส่งออก 19.8 ล้านบาท
จากสถิติ การปลูกผักของกรมส่งเสริมการเกษตร ปี 2536/2537 มีพื้นที่ปลูกผักบุ้งจีนถึง 54,302 ไร่ ผลผลิตสด 50,237 ตัน ผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ 925 กิโลกรัม แหล่งปลูกผักบุ้งจีนเพื่อบริโภคสด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี นครปฐม ปทุมธานี ราชบุรี นครนายก พิษณุโลก พิจิตร นครสวรรค์ ขอนแก่น อุบลราชธานี นครราชสีมา และสงขลา เป็นต้น สำหรับแหล่งผลิตเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนเป็นการค้าที่สำคัญ ได้แก่ นครปฐม สุพรรณบุรี และกาญจนบุรี
ผักบุ้งจีนเป็นพืชผักที่นิยมรับประทานกันมาก มีคุณค่าทางอาหารสูงประกอบด้วยไวตามิน และแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย โดยเฉพาะไวตามิน เอ ซึ่งเชื่อกันว่าช่วยบำรุงสายตา มีปริมาณสูงถึง 9,550 หน่วยสากล ในส่วนที่รับประทานได้สด 100 กรัม หรือ 6,750 หน่วยสากล ในส่วนที่รับประทานได้เมื่อสุกแล้ว 100 กรัม นอกจากนี้ยังมี แคลเซี่ยม ฟอสฟอรัสและไวตามินซีเป็นองค์ประกอบสำคัญด้วย
การปลูกผักบุ้งจีน
ลักษณะทั่วไป
ผักบุ้งจีนเป็นพืชพันธุ์เมืองร้อนชนิดหนึ่งที่คนไทยนิยมบริโภคกันมาก ลักษณะของผักบุ้ง รากของผักบุ้งจีนเป็นระบบรากแก้ว มีรากแขนง แตกออกทางด้านข้างของรากแก้ว และยังสามารถแตกเป็นรากฝอยออกมาจากข้อของลำต้น โดยมักจะเกิดตามข้อที่อยู่บริเวณโคน เถาลำต้น ผักบุ้งจีนเป็นไม้ล้มลุก ระยะเติบโตจะมีลำต้นตรง ใบผักบุ้งเป็นใบเดียว รูปคล้ายหอก โคนใบกว้าง เรียวเล็กไปตอนปลาย
การขยายพันธุ์
ขยายพันธุ์โดยการใช้เมล็ดในการปลูก
ระยะเวลาปลูก
20-25 วัน ก็สามารถเก็บได้
การเตรียมดินในการปลูก
เนื่องจากผักบุ้งจีนเป็นพืชที่มีระบบรากตื้น และอายุการเก็บเกี่ยวสั้นประมาณ 20-25 วัน ก็สามารถเก็บเกี่ยวได้ ในการเตรียมดินควรไถดะลึกประมาณ 10-15 ซม. แล้วตากไว้ประมาณ 10-15 วัน แล้วทำการไถพรวนย่อยดินแล้วยกแปลงปลูก หลังจากทำแปลงเรียบร้อยแล้ว จึงใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ย่อยดินและปุ๋ยให้เข้ากัน หากเป็นกรดมาก ควรใส่ปูนขาวเพื่อปรับความเป็นกรดของดิน
วิธีปลูก
การปลูกผักบุ้งจีนนิยมปลูกแบบหว่าน หรือบางครั้งอาจใช้โรยเมล็ดเป็นแถว เนื่องจากเมล็ดผักบุ้งจีนมีเปลือกที่หนาและแข็ง ทำให้งอกค่อนข้างยาก ควรใช้วิธีกระตุ้นเมล็ดก่อน โดยใช้น้ำอุ่นเป็นตัวกระตุ้น นำเมล็ดผักบุ้งแช่น้ำอุ่นไว้ประมาณ 4-5 ชั่วโมง แล้วจึงนำไปปลูก
การดูแลรักษา
การให้น้ำ ผักบุ้งจีนเป็นพืชที่ชอบดินปลูกที่ชุ่มชื้น แม่ไม่แฉะจนมีน้ำขัง ควรรดน้ำผักบุ้งจีนทุก ๆ วัน วันละ 1-2 ครั้ง
การใส่ปุ๋ย ถ้าดินปลูกมีความอุดมสมบูรณ์หรือมีการใส่ปุ๋ยอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องใส่ปุ๋ยเคมีแต่ถ้าดินไม่ค่อยสมบูรณ์ควรมีการใส่ปุ๋ยคอก ในการใส่ปุ๋ยเคมีนั้นจะมีวิธีการละลายน้ำรด 3-5 วัน/ครั้ง โดยใช้อัตราส่วน ปุ๋ยยูเรีย 10 กรัม/น้ำ 20 ลิตร จะเป็นการช่วยให้ผักบุ้งจีนเจริญเติบโตดี
การเก็บเกี่ยว
หลังจากหว่านเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนลงแปลงปลูกได้ 20-25 วัน ผักบุ้งจีนจะเจริญเติบโตมีความสูงประมาณ 30-35 ซม. ให้ถอนต้นผักบุ้งจีนออกจากแปลงปลูกทั้งต้นและราก หลังจากนั้นล้างรากให้สะอาดนำมาผึ่งไว้
ความสำคัญ
ผักบุ้งจีนเป็นพืชในตระกูล Convolvulaceae
มีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนแถบทวีปเอเซีย ประเทศไทยสามารถปลูกผักบุ้งจีนได้ตลอดปี และได้ทั่วทุกภาคของประเทศ ผักบุ้งจีนเป็นพืชผักที่สำคัญพืชหนึ่ง ที่มีการเจริญเติบโตเร็ว อายุเก็บเกี่ยวสั้น ประมาณ 20-25 วัน ผักบุ้งจีนได้พัฒนาเป็นพืชผักเพื่อการส่งออกอีกด้วย โดยส่งออกทั้งในรูปเป็นพืชผักสดและเมล็ดพันธุ์ ตลาดต่างประเทศของผักบุ้งจีนที่สำคัญ ได้แก่ สหราชอาณาจักรอังกฤษ ฝรั่งเศส สวีเดน สาธารณรัฐเยอรมัน สวิตเซอร์แลนด์ แคนนาดา สิงคโปร์ ฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน และซาอุดิอาระเบีย ในด้านเมล็ดพันธุ์นั้น ในอดีตเราต้องสั่งเมล็ดพันธุ์เข้าจากประเทศไต้หวัน แต่มาในปัจจุบัน ประเทศไทย สามารถผลิตเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนเพื่อการส่งออกได้ในปี พ.ศ. 2543 มีการส่งออกเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีน ประมาณ 2,473 ตัน มูลค่า 100 ล้านบาท จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นได้ว่า ตลาดของผักบุ้งจีนสามารถพัฒนา เป็นพืชผักเพื่อการส่งออกได้ดีพืชหนึ่ง ทั้งในรูปของผักสดและเมล็ดพันธุ์พืช
การปลูก หลังจากไถพรวนดินจนร่วนดีแล้ว จึงนำเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนที่จัดเตรียมไว้มาปลูกลงแปลงหลุมละ 3-5 เมล็ด ใช้ระยะปลูกระหว่างต้น 50 เซนติเมตร ระหว่างแถว 50 เซนติเมตร แต่ถ้าดินอุดมสมบูรณ์ดีจะใช้ระยะระหว่างต้น 50 เซนติเมตร ระหว่างแถว 100 เซนติเมตร ก็ได้โดยพื้นที่ 1 ไร่ จะใช้เมล็ดพันธุ์ประมาณ 3 กิโลกรัม เมื่อขุดหลุมปลูกและหยอดเมล็ดผักบุ้งจีนแล้ว ให้ใช้ดินกลบหลุมปลูกด้วย หนาประมาณ 2-3 เซนติเมตร แต่ถ้ามีเครื่องหยอดเมล็ดแบบเครื่องหยอดถั่วเหลือง หรือถั่วเขียวก็สามารถนำมาใช้ในการปลูกผักบุ้งจีนได้ หลังจากปลูกแล้วประมาณ 3-5 วัน ถ้าดินปลูกมีความชื้นหรือมีฝนตก ผักบุ้งจีนจะเริ่มงอกเป็นต้นกล้าต่อไป
การปฏิบัติดูแล
การถอนแยกและการตัดแต่งยอด หลังจากปลูกผักบุ้งจีนลงแปลงได้ประมาณ 10-15 วัน ให้ถอนต้นผักบุ้งจีนที่ไม่สมบูรณ์ หรือมีจำนวนตันขึ้นมากออกให้เหลือหลุมละ 3 ต้น ส่วนหลุมที่ไม่ขึ้นอาจจะใช้วิธีการหยอดเมล็ดปลูกซ่อม หรือจะใช้วิธีการถอนต้นจากหลุมข้างเคียง ที่มีหลายต้นมาปลูกซ่อมก็ได้ ไม่ควรปล่อยให้หลุมปลูกว่างเปล่า หลังจากปลูกได้ 3 อาทิตย์ จนถึง 1 เดือน ถ้ามีเวลาว่างหรือแรงงานเพียงพอ ควรใช้กรรไกรตัดปลายยอดผักบุ้งจีนออกทุกต้น เพื่อกระตุ้นให้มีการแตกแขนงหรือออกยอดทางด้านข้างมากขึ้นหลาย ๆ ยอดในเวลาใกล้เคียงกันทุกต้นทั้งไร่ ซึ่งถ้าผักบุ้งจีนแต่ละต้นแตกแขนง หรือทอดยอดจากต้นในเวลาใกล้เคียงกัน เมื่อถึงช่วงการออกดอกติดเมล็ดผักบุ้งจีนทั้งไร่จะมีเมล็ดที่สมบูรณ์ดี และสามารถเก็บเกี่ยวได้ในเวลาใกล้เคียงกัน ทำให้ได้ผลผลิตสูงและเมล็ดมีคุณภาพดีอีกด้วย การพรวนดินและกำจัดวัชพืช หลังจากปลูกผักบุ้งจีนไปแล้วประมาณ 10-15 วัน หรือก่อนที่ผักบุ้งจีนจะแตกแขนงทอดยอด ควรมีการพรวนดินและกำจัดวัชพืชในไร่ผักบุ้งจีนให้สะอาด ส่วนสารเคมีกำจัดวัชพืชหลังจากปลูก ต้องเลือกชนิดที่ไม่เป็นอันตรายกับผักบุ้งจีน โดยฉีดพ่นประมาณ 1-3 ครั้ง จนถึงช่วงผักบุ้งจีนเลื้อยคลุมแปลงก็ไม่ต้องพรวนดินกำจัดวัชพืชอีก เพราะอาจจะเหยียบย่ำเถาผักบุ้งเสียหายได้ การใส่ปุ๋ย ในแหล่งปลูกที่หาปุ๋ยคอกมาใส่แปลงปลูกได้ไม่ยากนัก เช่น ปุ๋ยคอกจากมูลสุกร เป็ด ไก่ วัว ควาย ควรมีการใส่ปุ๋ยคอกก่อนปลูก โดยจะใช้วิธีหว่านแล้วไถกลบ หรือจะใส่รองก้นหลุมก็ได้ เพื่อให้โครงสร้างขอดินปลูกดีขึ้น อีกทั้งปุ๋ยคอกจะมีธาตุไนโตรเจนสูง ทำให้ผักบุ้งจีนเจริญเติบโตได้ดีกว่าไม่มีการใส่ปุ๋ยคอกเลย ส่วนปุ๋ยเคมีนั้นควรใช้ปุ๋ยสูตร 12-24-12 อัตรา 50 กิโลกรัมต่อไร่ รองพื้นก่อนปลูกและเมื่อผักบุ้งจีนมีอายุได้ 60 วัน หรือใกล้ช่วงออกดอกติดผลให้ฉีดพ่นปุ๋ยน้ำทางใบ โดยเลือกปุ๋ยที่มีธาตุอาหารตัวกลางสูง ๆ เช่น 20-30-20 เป็นต้น จะช่วยให้ผักบุ้งจีนออกดอกและติดเมล็ดได้ดีขึ้น
การจัดเถา เมื่อผักบุ้งจีนเริ่มทอดยอดหลายยอดแล้ว ควรมีการจัดเถาผักบุ้งจีนให้เลื้อยคลุมแปลงหลายทิศทางเต็มพื้นที่ ไม่ควรปล่อยให้ผักบุ้งจีนทอดยอด หรือเลื้อยไปทางใดทางหนึ่งมากเกินไป เพราะยอดหรือเถาผักบุ้งจีนจะทับถมกันมาก ส่วนเถาหรือใบที่อยู่ด้านล่างจะเป็นโรคใบจุดหรือเน่าเสียหายได้ง่าย สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการป้องกันกำจัดโรคและแมลงศัตรูผักบุ้งจีน การป้องกันกำจัดโรคและแมลง การปลูกผักบุ้งจีนเพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์ในสภาพที่ดอน จะใช้เวลาปลูกจนถึงเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์ประมาณ 4 เดือน ซึ่งช่วงดังกล่าวอาจมีโรคและแมลงศัตรูผักบุ้งจีนเข้าทำลาย ทำให้ผักบุ้งจีนชะงักการเจริญเติบโต ออกดอกและติดเมล็ดไม่สมบูรณ์ ทำให้ผลผลิตและเมล็ดมีคุณภาพต่ำ หรือเก็บเกี่ยวผลผลิตไม่ได้เลย ดังนั้นผู้ปลูกควรดูแลเอาใจใส่ ในการป้องกันกำจัดโรคและแมลงศัตรูผักบุ้งจีนอยู่เสมอ
การเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์ หลังจากปลูกผักบุ้งจีนได้ 4 เดือน เมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนจะเริ่มแก่ และเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์ได้ โดยสังเกตจากใบผักบุ้งจีนจะมีสีเหลืองเถาเริ่มเหี่ยว ผักบุ้งจีนหยุดการออกดอก ผักที่ติดเมล็ดจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลจำนวนมาก เมื่อเห็นว่าผักบุ้งจีนแก่ได้ประมาณ 80 เปอร์เซนต์ ของต้นทั้งไร่แล้ว ให้นำจอบมาถากที่โคนต้นทิ้งไว้ 2-3 วัน ต่อจากนั้นให้ม้วนเถาผักบุ้งจีนมากองรวมกัน ผึ่งแดดไว้จนแห้ง
การนวดและเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์
หลังจากตากเถาผักบุ้งจีนจนแห้งสนิทดีแล้ว ให้นำเถาผักบุ้งจีนที่ม้วนไว้ไปนวดกับเครื่องนวดเมล็ดพันธ์ โดยอาจจะใช้เครื่องนวดข้าวหรือเครื่องนวดถั่วเหลือง ที่ได้ดัดแปลงตะแกรงให้มีขนาดเหมาะสมกับเมล็ดพันธุ์ เพื่อนวดเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนออกจากฝัก แล้วทำความสะอาดเมล็ดพันธุ์ คัดเมล็ดพันธุ์ที่ไม่สมบูรณ์ ถูกแมลงทำลายหรือมีสิ่งเจือปน เช่น ก้อนหินและก้อนดินเล็ก ๆ ออกให้หมด จากนั้นนำเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนมาบรรจุกระสอบ เพื่อจัดส่งตลาดต่อไป ส่วนเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนที่จะเก็บไว้ทำพันธุ์ในปีต่อไปนั้น ให้นำมาคลุกกับปูนขาว โดยใช้ปูนขาว 10 กรัม ต่อเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีน 1 กิโลกรัม หรือจะเก็บไว้ในปิ๊บใส่ขนมปังที่ทำความสะอดาแล้ว โดยใส่ลงไปในปิ๊บสูงประมาณ 3-5 นิ้ว แล้วนำกระดาษหนังสือพิมพ์มาปิดทับ จากนั้นให้นำเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนที่ใส่ถุงพลาสติก หรือถุงกระดาษมาวางบนกระดาษหนังสือพิมพ์ ก็จะสามารถเก็บเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนไว้ทำพันธุ์ หรือไว้ปลูกเพื่อการบริโภคสดได้ นอกจากนี้อาจจะนำเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนมาคลุกด้วยเมทาแลคซิล เช่น เอพรอน 35 เพื่อป้องกันกำจัดโรค และใช้สารคาร์บาริล เช่น เซฟวิน 85 เพื่อป้องกันกำจัดแมลงทำลายเมล็ดพันธ์ด้วย ทั้งนี้การเก็บเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีน ไม่ว่าจะเก็บไว้จำหน่ายหรือเก็บไว้ทำพันธุ์ จะต้องเก็บไว้ในร่มอย่าให้เปียกฝน ไม่กองทับถมกันมาก ไม่เก็บไว้ในที่ร้อนหรือชื้นเกินไป และจะต้องมีอากาศถ่ายเทสะดวก เนื่องจากเมล็ดผักบุ้งจีนจะเสื่อมความงอกได้เร็วมาก ทำให้ไม่สามารถนำไปปลูกเพื่อการบริโภคสดหรือใช้ทำพันธุ์ต่อไปได้
การผลิตเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนในที่ลุ่ม (นาผักบุ้ง)
เป็นการปลูกผักบุ้งจีนในที่ลุ่ม โดยการปักดำยอดผักบุ้งหรือท่อนพันธุ์ผักบุ้งลงปลูกในนา มีวิธีการดังนี้ การเลือกพื้นที่ปลูก การปลูกผักบุ้งจีนเพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์ในที่ลุ่มนั้น ควรเลือกปลูกในพื้นที่ที่มีการคมนาคมขนส่งสะดวก เช่นเดียวกับการปลูกผักบุ้งจีนในสภาพที่ดอน แหล่งใดที่ปลูกข้าวได้ดีก็สามารถนำผักบุ้งจีนไปปลูกได้ แต่นาข้าวในประเทศไทยส่วนใหญ่จะมีผักบุ้งไทยอยู่มาก ฤดูปลูกที่เหมาะสมโดยทั่วไปจะเริ่มเพาะกล้า หรือหยอดเมล็ดลงเพาะกล้า ตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป พอถึงปลายเดือนกันยายนถึงต้นเดือนตุลาคม จึงสามารถตัดยอดผักบุ้งจีนลงปลูกในนาต่อไป การเตรียมดิน โดยการใช้รถแทรกเตอร์ไถดะตากดินไว้ประมาณ 15-30 วัน แล้วไถแปรเอาน้ำเข้าแปลง ใช้รถแทรกเตอร์แบบไถเดินตามคราดย่อยดิน ทำเทือกแบบนาข้าว หรือจะทำการเตรียมดินแบบทำนาข้าวก็ได้
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ผักบุ้งจีน มีชื่อสามัญที่ใช้เรียกแตกต่างกันไป ในภาษาอังกฤษว่าwater convolvulus หรือ kang-kong เป็นพืชในตระกูลConvolvulaceae มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่าIpomoea aquatica Forsk. Var. reptan มีถิ่นกำเนิดอยู่ในเขตร้อน พบได้ทั่วไปในอัฟริกา และเอเชียเขตร้อนจนถึงมาเลเซียและออสเตรเลีย ราก ผักบุ้งจีนมีรากเป็นแบบรากแก้ว มีรากแขนง แตกออกทางด้านข้างของรากแก้ว และยังสามารถแตกรากฝอยออกมาจากข้อของลำต้นได้ด้วย โดยมักจะเกิดตามข้อที่อยู่แถว ๆ โคนเถา
ลำต้น ผักบุ้งจีนเป็นไม้ล้มลุก ในระยะแรกของการเจริญเติบโตจะมีลำต้นตั้งตรง ระยะต่อไปจะเลื้อยทอดยอดไปตามพื้นดินหรือน้ำ ลำต้นมีสีเขียว มีข้อและปล้องข้างในกลวง รากจะเกิดที่ข้อทุกข้อที่สัมผัสกับพื้นดินหรือน้ำ ที่ข้อมักมีตาแตกออกมา ทั้งตาใบและตาดอก โดยตาดอกจะอยู่ด้านใน ส่วนตาใบจะอยู่ด้านนอก
ใบ เป็นใบเดี่ยว มีขอบใบเรียบ รูปใบคล้ายหอกโคนใบกว้างค่อย ๆ เรียวเล็กไปตอนปลาย ปลายใบแหลม ที่โคนใบเป็นรูปหัวใจ ขอบใบเรียบหรือเป็นคลื่น ใบมีความยาวประมาณ 7-15 เซนติเมตร ก้านใบยาว 3-8 เซนติเมตร ดอกและช่อดอก ดอกเป็นดอกสมบูรณ์ มีลักษณะเป็นช่อ มีดอกตรงกลาง 1 ดอก และดอกด้านข้างอีก 2 ดอกโดยดอกกลางจะเจริญ ก่อน แต่ละดอกประกอบด้วยกลีบเลี้ยงสีเขียว 5 อัน กลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นรูปกรวย ด้านนอกมีสีขาว ด้านในมีสีม่วง ในฤดูวันสั้น (วันละ 10-12 ชั่วโมง) จะออกดอกมีฝักและเมล็ด ในฤดูวันยาวจะเจริญเติบโตทางลำต้นและใบผักบุ้งจีนมีการผสมเกสรเป็นแบบผสมตัวเอง และมีการผสมข้ามดอกบ้างเนื่องจากลมและแมลง ดอกผักบุ้งจีนจะเริ่มบานในเวลาเช้า ละอองเกสรตัวผู้และยอดเกสรตัวเมียพร้อมที่จะผสมเวลา 10.00-15.00 น. ระยะเวลาหลังผสมจนผสมติดประมาณ 3-4 วัน และจากผสมติดจนเมล็ดแก่ประมาณ 40-50 วันผล เป็นผลเดี่ยวรูปร่างค่อนข้างกลมมีขนาดใหญ่ที่สุดอายุประมาณ 30 วัน หลังดอกบาน มีเส้นผ่าศูนย์กลางเฉลี่ย1.42 เซนติเมตร หลังจากนั้นจะมีขนาดเล็กลง ลักษณะผิวภายนอกเหี่ยวย่น ขรุขระ ไม่แตก เมื่อแห้งสีของผลเมื่อแก่จะมีสีน้ำตาลหรือน้ำตาลเข้ม ใน 1 ผลมีเมล็ด 4-5 เมล็ด
เมล็ด มีรูปร่างเป็นสามเหลี่ยมฐานมน มีสีน้ำตาล เปลือกหุ้มเมล็ดมีสี 3 ระดับ คือ สีน้ำตาลอ่อน สีน้ำตาลแก่ และสีน้ำตาลดำ มีขนาดเล็ก ความกว้างโดยเฉลี่ย 0.4 เซนติเมตร ยาว 0.5 เซนติเมตร ผักบุ้งจีนเป็นพืชที่มีอัตราการพักตัวสูงโดยจะพักตัวในลักษณะของเมล็ดแข็ง(hardseed)หรือที่เรียกว่าเมล็ดหินจากการศึกษาพบว่าเมล็ดสีเข้มกว่าจะมีเปอร์เซนต์เมล็ดแข็งสูงกว่า
ประวัติ
ผักบุ้งที่ปลูกในประเทศไทย มี ประเภท ผักบุ้งไทย(Ipomoea aquatic Var. aquatica) มีดอกสีม่วงอ่อน ก้านสีเขียวหรือม่วงอ่อน ใบสีเขียวเข้มและก้านใบสีม่วง และผักบุ้งจีน(Ipomoea aquatica Var. reptans) ซึ่งมีใบสีเขียว ก้านสีเหลืองหรือขาว ก้านดอกและดอกสีขาว ผักบุ้งจีนนิยมนำมาประกอบอาหารกว้างขวางกว่าผักบุ้งไทย จึงนิยมปลูกเป็นการค้าอย่างแพร่หลาย ทั้งการปลูกเพื่อบริโภคสด และการผลิตเมล็ดพันธุ์ ปัจจุบันผักบุ้งจีนได้พัฒนาเป็นพืชผักส่งออกที่มีความสำคัญ โดยส่งออกทั้งในรูปผักสด และเมล็ดพันธุ์ การส่งออกเฉพาะผักบุ้งจีนเพื่อบริโภคสดไม่มีตัวเลขแน่นอน เพราะรวมผักบุ้งจีนในหมวดผักสดอื่น ๆ ซึ่งได้แก่ ผักสดชนิดต่าง ๆ ตลาดที่สำคัญคือฮ่องกง มาเลเซีย และสิงคโปร์ สำหรับเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนประเทศไทยสามารถส่งออกเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนในปี 2538 ปริมาณ 540.6 ตัน มูลค่าการส่งออก 19.8 ล้านบาท
จากสถิติ การปลูกผักของกรมส่งเสริมการเกษตร ปี 2536/2537 มีพื้นที่ปลูกผักบุ้งจีนถึง 54,302 ไร่ ผลผลิตสด 50,237 ตัน ผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ 925 กิโลกรัม แหล่งปลูกผักบุ้งจีนเพื่อบริโภคสด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี นครปฐม ปทุมธานี ราชบุรี นครนายก พิษณุโลก พิจิตร นครสวรรค์ ขอนแก่น อุบลราชธานี นครราชสีมา และสงขลา เป็นต้น สำหรับแหล่งผลิตเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนเป็นการค้าที่สำคัญ ได้แก่ นครปฐม สุพรรณบุรี และกาญจนบุรี
ผักบุ้งจีนเป็นพืชผักที่นิยมรับประทานกันมาก มีคุณค่าทางอาหารสูงประกอบด้วยไวตามิน และแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย โดยเฉพาะไวตามิน เอ ซึ่งเชื่อกันว่าช่วยบำรุงสายตา มีปริมาณสูงถึง 9,550 หน่วยสากล ในส่วนที่รับประทานได้สด 100 กรัม หรือ 6,750 หน่วยสากล ในส่วนที่รับประทานได้เมื่อสุกแล้ว 100 กรัม นอกจากนี้ยังมี แคลเซี่ยม ฟอสฟอรัสและไวตามินซีเป็นองค์ประกอบสำคัญด้วย
การปลูกผักบุ้งจีน
ลักษณะทั่วไป
ผักบุ้งจีนเป็นพืชพันธุ์เมืองร้อนชนิดหนึ่งที่คนไทยนิยมบริโภคกันมาก ลักษณะของผักบุ้ง รากของผักบุ้งจีนเป็นระบบรากแก้ว มีรากแขนง แตกออกทางด้านข้างของรากแก้ว และยังสามารถแตกเป็นรากฝอยออกมาจากข้อของลำต้น โดยมักจะเกิดตามข้อที่อยู่บริเวณโคน เถาลำต้น ผักบุ้งจีนเป็นไม้ล้มลุก ระยะเติบโตจะมีลำต้นตรง ใบผักบุ้งเป็นใบเดียว รูปคล้ายหอก โคนใบกว้าง เรียวเล็กไปตอนปลาย
การขยายพันธุ์
ขยายพันธุ์โดยการใช้เมล็ดในการปลูก
ระยะเวลาปลูก
20-25 วัน ก็สามารถเก็บได้
การเตรียมดินในการปลูก
เนื่องจากผักบุ้งจีนเป็นพืชที่มีระบบรากตื้น และอายุการเก็บเกี่ยวสั้นประมาณ 20-25 วัน ก็สามารถเก็บเกี่ยวได้ ในการเตรียมดินควรไถดะลึกประมาณ 10-15 ซม. แล้วตากไว้ประมาณ 10-15 วัน แล้วทำการไถพรวนย่อยดินแล้วยกแปลงปลูก หลังจากทำแปลงเรียบร้อยแล้ว จึงใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ย่อยดินและปุ๋ยให้เข้ากัน หากเป็นกรดมาก ควรใส่ปูนขาวเพื่อปรับความเป็นกรดของดิน
วิธีปลูก
การปลูกผักบุ้งจีนนิยมปลูกแบบหว่าน หรือบางครั้งอาจใช้โรยเมล็ดเป็นแถว เนื่องจากเมล็ดผักบุ้งจีนมีเปลือกที่หนาและแข็ง ทำให้งอกค่อนข้างยาก ควรใช้วิธีกระตุ้นเมล็ดก่อน โดยใช้น้ำอุ่นเป็นตัวกระตุ้น นำเมล็ดผักบุ้งแช่น้ำอุ่นไว้ประมาณ 4-5 ชั่วโมง แล้วจึงนำไปปลูก
การดูแลรักษา
การให้น้ำ ผักบุ้งจีนเป็นพืชที่ชอบดินปลูกที่ชุ่มชื้น แม่ไม่แฉะจนมีน้ำขัง ควรรดน้ำผักบุ้งจีนทุก ๆ วัน วันละ 1-2 ครั้ง
การใส่ปุ๋ย ถ้าดินปลูกมีความอุดมสมบูรณ์หรือมีการใส่ปุ๋ยอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องใส่ปุ๋ยเคมีแต่ถ้าดินไม่ค่อยสมบูรณ์ควรมีการใส่ปุ๋ยคอก ในการใส่ปุ๋ยเคมีนั้นจะมีวิธีการละลายน้ำรด 3-5 วัน/ครั้ง โดยใช้อัตราส่วน ปุ๋ยยูเรีย 10 กรัม/น้ำ 20 ลิตร จะเป็นการช่วยให้ผักบุ้งจีนเจริญเติบโตดี
การเก็บเกี่ยว
หลังจากหว่านเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนลงแปลงปลูกได้ 20-25 วัน ผักบุ้งจีนจะเจริญเติบโตมีความสูงประมาณ 30-35 ซม. ให้ถอนต้นผักบุ้งจีนออกจากแปลงปลูกทั้งต้นและราก หลังจากนั้นล้างรากให้สะอาดนำมาผึ่งไว้
ความสำคัญ
ผักบุ้งจีนเป็นพืชในตระกูล Convolvulaceae
มีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนแถบทวีปเอเซีย ประเทศไทยสามารถปลูกผักบุ้งจีนได้ตลอดปี และได้ทั่วทุกภาคของประเทศ ผักบุ้งจีนเป็นพืชผักที่สำคัญพืชหนึ่ง ที่มีการเจริญเติบโตเร็ว อายุเก็บเกี่ยวสั้น ประมาณ 20-25 วัน ผักบุ้งจีนได้พัฒนาเป็นพืชผักเพื่อการส่งออกอีกด้วย โดยส่งออกทั้งในรูปเป็นพืชผักสดและเมล็ดพันธุ์ ตลาดต่างประเทศของผักบุ้งจีนที่สำคัญ ได้แก่ สหราชอาณาจักรอังกฤษ ฝรั่งเศส สวีเดน สาธารณรัฐเยอรมัน สวิตเซอร์แลนด์ แคนนาดา สิงคโปร์ ฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน และซาอุดิอาระเบีย ในด้านเมล็ดพันธุ์นั้น ในอดีตเราต้องสั่งเมล็ดพันธุ์เข้าจากประเทศไต้หวัน แต่มาในปัจจุบัน ประเทศไทย สามารถผลิตเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนเพื่อการส่งออกได้ในปี พ.ศ. 2543 มีการส่งออกเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีน ประมาณ 2,473 ตัน มูลค่า 100 ล้านบาท จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นได้ว่า ตลาดของผักบุ้งจีนสามารถพัฒนา เป็นพืชผักเพื่อการส่งออกได้ดีพืชหนึ่ง ทั้งในรูปของผักสดและเมล็ดพันธุ์พืช
ชื่อ "ผักบุ้งไทย" วงศ์ "CONVOLVULACEAE" ชื่อวิทยาศาสตร์ "Ipomoea aquatica Foisk. Ipomoeareptans Poir. (Syn.)" ชื่อพื้นเมือง"ผักทอดยอด(กรุงเทพฯ) ผักบุ้งไทย(กลาง) ผักบุ้ง(ทั่วไป)ผักบุ้งแดง ผักบุ้งไทย ผักบุ้งนา กำจร(ฉานขแม่ฮ่องสอน)"
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ผักบุ้งเป็นไม้น้ำและเป็นไม้ล้มลุก ลำต้นเลื้อยทอดไปตามน้ำหรือในที่ลุ่มที่มีความชื้นหรือดินแฉะๆ ลำต้น กลวงสีเขียวมีข้อปล้องและมีรากออกตามข้อได้เป็นใบเดี่ยวออกแบบสลับเช่นรูปไข่รูปไข่แถบขอบขนานรูปหอก รูปหัวลูกศรขอบใบเรียบหรือมีควั่นเล็กน้อยปลายปลายใบแหลมหรือมนฐานใบเว้าป็นรูปหัวใจใบยาว3-15ซม. กว้าง1-9ซม. ดอกเป็นรูประฆังออกที่ซอกใบแต่ละช่อมีดอกย่อย1-5ดอก กลีบเรียงสีเขียวกลีบดอกมีทั้งสีขาว สีม่วงแดง สีชมพูม่วงกลีบดอกจะติดกันเป็นรูปกรวยมีสีขาวอยู่ด้านบนและมีสีม่วงหรือสีชมพูอยู่ที่ฐาน เกสรตัวผู้มี 5 อันยาวไม่เท่ากันผลเป็นแบบแคปซูลรูปไข่หรือกลมสีน้ำตาลมีเมล็ดกลมสีดำ
การปลูก ผักบุ้งเป็นไม้ที่ปลูกได้ในดินทุกชนิดขึ้นได้ในที่แห้งแล้ง แต่หากมีน้ำมากก็จะทำให้ลำต้นเจริญงอกงามดี เป็นพืชที่ขยายพันธุ์ง่ายและรวดเร็วปลูกโดยการแยกกิ่งแก่ไปปักชำ
ประโยชน์ทางยา ผักบุ้งรสเย็นสรรพคุณถอนพิษเบื่อเมา รากผักบุ้งรสจืดเฝื่อนสรรพคุณถอนพิษผิดสำแดง
ประโยชน์ทางอาหาร ส่วนที่เป็นผัก/ฤดูกาลยอดอ่อนใบอ่อนของผักบุ้งเป็นผักได้และผักบุ้งเป็นพืชออกยอดตลอดปีและมีมากในช่วง ฤดูฝนการปรุงอาหารคนไทยทุกภาครับประทานผักบุ้งมีการปลูกและการจำหน่ายในท้องตลาดอย่างแพร่หลาย ในทุกฤดูกาลผักบุ้งเป็นผักที่ปรุงเป็นอาหารได้หลายชนิดนับตั้งแต่รับประทานยอดอ่อนเป็นผักสดหรืออาจนึ่ง ลวกและราดกะทิแกล้มกับน้ำพริกรับประทานเป็นผักสดกับส้มตำลบก้อยยำและนำยอดอ่อนและใบอ่อนไปปรุง เป็นอาหารเช่นผัดจืดใส่หมูปลาไก่หรือผัดกับน้ำพริกและหมูนอกจากนี้ยังนำไปแกงเช่นแกงส้มแกงคั่วเป็นต้น นอกจากนี้ผักบุ้งสามารถนำไปดองและนำไปปรุงเป็นข้าวผัดคลุกน้ำพริกผักบุ้งดองหรือนำไปเป็นผักแกล้มน้ำ พริกเป็นต้น
รสและประโยชน์ต่อสุขภาพ รสจืดเย็นช่วยขับพิษถอนพิษเบื่อเมาผักบุ้งขาว 100 กรัมให้พลังงานต่อร่างกาย 22 กิโลแคลอรี่ประกอบด้วย เส้นใย101กรัมแคลเซียม3มิลลิกรัมฟอสฟอรัส22มิลลิกรัมเหล็ก3มิลลิกรัมวิตามินเอ11447IU วิตามินบีหนึ่ง 0.06 มิลลิกรัม วิตามินบีสอง0.17มิลลิกรัมไนอาซิน1.3มิลลิกรัมวิตามินซี 14 มิลลิกรัม
ผักบุ้ง
ชื่อวิทยาศาสตร์
Ipomoea aquatica Forsk.
ชื่ออื่น
swamp morning glory
ประเภท/ชีพจักร
ใบกว้าง/อายุข้ามปี
ลักษณะเด่น
มีลักษณะลำต้นกลวงลอยน้ำได้ อยู่ได้ในสภาพระดับน้ำลึก
ส่วนขยายพันธุ์
ลำต้น/ เมล็ด
สภาพที่เหมาะสม
นาน้ำลึกที่มีทั้งสภาพดินแห้ง, ชื้น และน้ำขังลึก
นิเวศนาข้าวที่ระบาด
นาน้ำลึก นาหว่านข้าวแห้ง นาดำ
ชื่ออื่นๆ กำจร ผักทอดยอด Swamp Morning Glory
ชื่อวิทยาศาสตร์ Ipomoea aquatica Forsk
วงศ์ CONVOLVULACEAE
ลักษณะพืช
ไม้เถาเนื้ออ่อน เลื้อยทอดยอดไปตามพื้นดินหรือบนผิวน้ำ เถา เป็นปล้องภาย ในกลวง ทั้งต้นมีน้ำยางขาว ใบเดี่ยว ออกสลับ รูปใบหอก กว้าง 2- 10 เซนติเมตร ยาว 4-12 เซนติเมตร ปลายแหลม โคนรูปหัวใจ ดอกสีขาวอมชมพูหรือ ม่วงอ่อน ออกเป็นช่อตามซอกใบ ช่อละ 1-7 ดอก กลีบดอกโคนติดกันเป็นหลอด ปลาย บานออกคล้ายปากแตร เมื่อบานเต็มที่เส้นผ่าศูนย์กลาง 2-4 เซนติเมตร ผลรูปไข่ขนาด เส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เซนติเมตรผลมีสัน 4 สัน เป็นไม้ที่เจริญได้ดีในน้ำ มักพบตามที่ชื้นแฉะ และตามคูคลองทั่วไป ผักบุ้งมี 2ชนิดคือ ผักบุ้งไทย ลำต้นอวบ สีม่วงแดง ดอกสีม่วง และผักบุ้งจีน ลำต้นสีเขียว ดอกสีขาว โบเล็กกว่าผักบุ้งไทย
ประโยชน์
ด้านอาหาร ทั้งต้นมีกลิ่นหอมกินได้ทั้งสด ต้มรับประทานเป็นอาหาร นำไปประกอบอาหาร ผักบุ้งจีนนิยม ผัดกับน้ำมัน เป็นผักบุ้งไฟแดง ส่วนผักบุ้งไทยใช้ลวกเป็นผักจิ้ม และใช้ปรุงเป็นแกงคั่วต่างๆ ผักบุ้งมีสารจำพวก แคโรทีนสูง สารนี้สามารถเปลี่ยนไปเป็นวิตามินเอ ซึ่งมีคุณสมบัติในด้านการบำรุงสายตา ยอดสดมีโปรตีนร้อยละ 1.5-2.6 เส้นใยร้อยละ 0.8-1.1 และแคโรทีน/วิตามินเอร้อยละ 0.004-0.008 นอกจากนี้ยังมีธาตุฟอสฟอรัส ร้อยละ 0.01-0.02
ด้านการบำบัดรักษา ทั้งต้น แก้เลือดกำเดาออก ท้องผูก เป็นยาระบายอ่อนๆหนองใน ยอด ผักบุ้ง เป็นยาถอนพิษ โดยใช้ผักบุ้งสด 1กำมือกับใบบัวสด 1กำมือ ตำให้ละเอียด คั้นเอาแต่น้ำดื่มจะท ให้อาเจียน เบาขัด แก้โรคประสาท การเสื่อมสมรรถภาพ โรคนอนไม่หลับ ถ่ายเป็นเลือด ยาง เป็น ยา ถ่าย ราก แก้ สตรีมี ตกขาว ฟันเป็นรูปวด เบาขัด ไอ เรื้อรัง เหงื่อออกมาก ลด บวม นอกจากนี้ยังรักษาอาการตาฟาง ดอก ผักบุ้งใ้ช้ รักษา กลากเกลื้อน วิธีใช้ นำดอกตูม 4-6 ดอก มาขยี้หรือตำ ใช้ทาบริเวณที่เป็นกลากเกลื้อนบ่อยๆ จนกว่าจะหาย
ด้านการเพาะปลูกและวิธีดูแลรักษา ผักบุ้งชอบดินที่มีความชื้นสูง ดินร่วนซุย หลังเตรียมพรวนดิน ใส่ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยเคมีแล้วจึงหว่านเมล็ด กลบดินหนา 1เซนติเมตร การหว่านอาจจะหว่านเป็นแถว แต่ละแถวห่างกัน 10-15 เซนติเมตร คลุมด้วยเศษหญ้าหรือเศษฟาง รดน้ำเช้า-เย็น ต้นกล้าจะงอกใน 2-3 วัน ให้ถอนต้นที่เบียดกันทิ้ง หลังจากต้นกล้างอก 7วัน ให้ใส่ปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต อายุเก็บเกี่ยว 20-30 วัน
ลักษณะ
ไม้เถาเนื้ออ่อน เลื้อยทอดยอดไปตามพื้นดินหรือบนผิวน้ำ เถาเป็นปล้อง ภายในกลวง ทั้งต้นมีน้ำยางขาว ใบเดี่ยวออกสลับ รูปใบหอก กว้าง 2-10 เซนติเมตร ยาว 4-12 เซนติเมตร ปลายแหลมโคนรูปหัวใจ ดอกสีขาวอมชมพูหรือม่วงอ่อน ออกเป็นช่อตามซอกใบ ช่อละ 1-7 ดอก กลีบดอกโคนติดกันเป็นหลอด ปลายบานออกคล้ายปากแตร เมื่อบานเต็มที่เส้นผ่าศูนย์กลาง 2-4 เซนติเมตร ผลรูปไข่ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตร ผลมีสัน 4 สัน เป็นไม้ที่เจริญได้ดีในน้ำ มักพบตามที่ลุ่มชื้นแฉะ และตามคูคลองทั่วไป ผักบุ้งมี 2 ชนิดคือ ผักบุ้งไทย ลำต้นอวบ สีม่วงแดง ดอกสีม่วง และผักบุ้งจีน ลำต้นสีเขียว ดอกสีขาว ใบเล็กว่าผักบุ้งไทย
การปลูก
ผักบุ้งชอบดินที่มีความชื้นสูง ดินร่วนซุย หลังเตรียมพรวนดินใส่ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยเคมีแล้วจึงหว่านเมล็ด กลบดินหนา 1 เซนติเมตร การหว่านอาจจะหว่านเป็นแถว แต่ละแถวห่างกัน 10-15 เซนติเมตร คลุมด้วยเศษหญ้าหรือเศษฟาง รดน้ำเช้า-เย็น ต้นกล้าจะงอกใน 2-3 วัน ให้ถอนต้นที่เบียดกันทิ้ง หลังจากต้นกล้างอก 7 วัน ให้ใส่ปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต อายุเก็บเกี่ยว 20-30 วัน
ผักบุ้งดูแลง่าย
ผักบุ้งปลูกง่าย ใครๆก็ปลูกกัน ถ้าเป็นผักบุ้งจีน เอาเมล็ดพันธุ์ผักบุ้ง จีนมาแช่น้ำเอาไว้ เอาผ้าห่อเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งชุบน้ำให้เปียกชุ่มโดยตลอดซัก 1 คืนหรือ 2คืนก็ได้ ต่อจากนั้นก็เอาไปหว่านในแปลงที่ขุด พรวนดินเอาไว้ ผสมกับปุ๋ยคอกพอสมควร หว่านเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งให้ทั่วกัน อย่าให้หนาเกินไป หว่านพอห่างๆ เอาฟางแห้งว่างลงไปทับเอาไว้บนดิน ให้คลุมบางๆเพื่อป้องกันไม่ให้ความชุ่มชื้นระเหยออกไปเร็วนัก รดน้ำให้ชุ่มพอสมควร รดน้ำเช้าเย็น รอเวลาไม่กี่วันก็จะเห็นว่ามีผักบุ้งออกมาให้เห็นแล้วการบำรุงรักษายังคงรดน้ำทุกวัน เช้า เย็น พอเห็นว่าต้นโตพอที่จะเก็บก็เอามีดมาตัดที่โคนต้น แต่ว่าการที่เราตัดโคนเอาเฉพาะต้นผักบุ้งมานั้น ยังทำให้ต้นผักบุ้งแตกยอดออกมาได้อีกด้วย สามารถที่จะเก็บได้หลายๆครั้งด้วยกันถ้าเป็นผักบุ้งไทย เอาต้นผักบุ้งไทยมาปลูกลงในดิน แล้วรดน้ำก็ได้ ผักบุ้งจะเจริญงอกงามได้ดีไม่ต้องเพาะเมล็ดเหมือนผักบุ้งจีน แต่จะต้องรดน้ำเช้าเย็นด้วย ผักบุ้งชอบน้ำอยู่แล้ว ขอให้มีน้ำรดให้ชุ่มก็เจริญงอกงามได้ดีเสมอ และถ้าจะให้ดีก็จะต้องให้อาหารหรือปุ๋ยคอกพอสมควรกรณีที่มีบ่อน้ำ คูน้ำ ท้องร่องหรือสระน้ำ เอาผักบุ้งไทยมาปลูกไว้ริมน้ำก็ได้ เห็นอย่างนี้แล้วคงไม่ต้องสงสัยนะครับว่าทำไมผักชนิดนี้ถึงได้อยู่คู่ครัวไทยมานาน
แมลงศัตรูพืช
1. เพลี้ยอ่อน Aphid. Aphis gossypii (Aphidiae) ลักษณะ ตัวอ่อนที่มีสีต่าง ๆ กัน ส่วนใหญ่สีเขียวเข้มจนเกือบดำ แต่ถ้าหากตัวอ่อนเกิดใต้กลุ่มใบที่หนาแน่นมาก และอุณหภูมิสูง ตัวอ่อนอาจมีขนาดเล็กกว่า 1 มิลลิเมตร และสีซีดเหลืองหรือเกือบขาว
ชีพจักร ในเขตร้อนบ้านเรา จะไม่ออกเป็นไข่ แต่ออกลูกเป็นตัวตามใบของพืชและช่อดอก ตัวอ่อนจะแก่ใน 4-20 วัน ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ และจะให้ตัวอ่อนประมาณ 20-140ตัวต่อครั้งทุก 2-9 วันการทำลาย ดูดกินน้ำเลี้ยงพืชการป้องกัน ใช้สารเคมี พิษตกค้างน้อยที่สุด หรือไม่ควรใช้เลย การพรวนดินและกำจัดวัชพืช2. ผีเสื้อหัวกะโหลก Death’s head MothAcherontia lachesis (Sphingidae) ลักษณะ ตัวหนอนมีสีเขียวมีแถบสีเหลืองขอบฟ้าข้างลำตัวขนาดโตเต็มที่ 10-12 เซนติเมตรการทำลาย ตัวหนอนกัดกินใบ
ชีพจักร ผีเสื้อวางไข่สีเขียวเป็นใบเดี่ยวตามใบพืชอาศัยระยะไข่ฟักประมาณ 5 วัน ออกเป็นตัวหนอนกัดกินใบประมาณ 3 สัปดาห์ เข้าดักแด้ในดินระยะดักแด้ประมาณ 2 สัปดาห์ ตัวแก่เป็นผีเสื้อสีน้ำตาลการป้องกัน ใช้สารเคมี พิษตกค้างน้อยที่สุด
การดูแลรักษา
การปฏิบัติดูแลรักษาผักบุ้งจีนเพื่อการบริโภคสดการให้น้ำ ผักบุ้งจีนเป็นพืชที่ชอบดินปลูกที่ชุ่มชื้น แต่ไม่แฉะจนมีน้ำขัง ฉะนั้นควรรดน้ำผักบุ้งจีนอยู่เสมอทุกวัน ๆ ละ 1-2 ครั้ง ยกเว้นช่วงที่ฝนตกไม่ต้องรดน้ำ อย่าให้แปลงปลูกผักบุ้งจีนขาดน้ำได้ จะทำให้ผักบุ้งจีนชะงักการเจริญเติบโต คุณภาพไม่ดี ต้นแข็งกระด้าง เหนียว ไม่น่ารับประทาน และเก็บเกี่ยวได้ช้ากว่าปกติการใส่ปุ๋ย ผักบุ้งจีนเป็นพืชผักที่บริโภคใบและต้นมีอายุการเก็บเกี่ยวสั้น ถ้าดินปลูกมีความอุดมสมบูรณ์ หรือมีการใส่ปุ๋ยคอก เช่น มูลสุกร มูลเป็ด ไก่ เป็นต้น ซึ่งปุ๋ยคอกดังกล่าวเป็นปุ๋ยที่มีไนโตรเจนสูงอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องใส่ปุ๋ยเคมีก็ได้ แต่ถ้าดินปลูกไม่ค่อยอุดมสมบูรณ์ นอกจากต้องให้ปุ๋ยคอกแล้ว ควรมีการใส่ปุ๋ยทางใบที่มีไนโตรเจนสูง โดยหว่านปุ๋ยกระจายทั่วทั้งแปลงก่อนปลูกและหลังปลูกผักบุ้งจีนได้ประมาณ 7-10 วัน ซึ่งการให้ปุ๋ยครั้งที่ 2 นั้น หลังจากหว่านผักบุ้งจีนลงแปลงแล้ว จะต้องมีการรดน้ำแปลงปลูกผักบุ้งจีนทันที อย่าให้ปุ๋ยเกาะอยู่ที่ชอกใบ จะทำให้ผักบุ้งจีนใบไหม้ ในการใส่ปุ๋ยเคมีครั้งที่ 2 นั้น จะใช้วิธีการละลายน้ำรด 3-5 วันครั้งก็ได้ โดยใช้อัตราส่วน ปุ๋ยยูเรีย 10 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร จะเป็นการช่วยให้ผักบุ้งจีนเจริญเติบโต และเก็บเกี่ยวได้รวดเร็วขึ้น
การพรวนดินและกำจัดวัชพืช ถ้ามีการเตรียมดินดีมีการใส่ปุ๋ยคอกก่อนปลูกและมีการหว่านผักบุ้งขึ้นสม่ำเสมอกันดี ไม่จำเป็นต้องพรวนดิน เว้นแต่ในแหล่งปลูกผักบุ้งจีนดังกล่าวมีวัชพืชขึ้นมาก ควรมีการถอนวัชพืชออกจากแปลงปลูกอยู่เสมอ 7-10 วันต่อครั้ง ในแหล่งที่ปลูกผักบุ้งจีนเพื่อการบริโภคสดเป็นการค้าปริมาณมาก ควรมีการพ่นสารคลุมวัชพืชก่อนปลูก 2-3 วัน ต่อจากนั้นจึงค่อยหว่านผักบุ้งจีนปลูก จะประหยัดแรงงานในการกำจัดวัชพืชในแปลงปลูกผักบุ้งจีนได้ดีมากวิธีการหนึ่ง
การเก็บเกี่ยว หลังจากหว่านเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนลงแปลงปลูกได้ 20-25 วัน ผักบุ้งจีนจะเจริญเติบโต มีความสูงประมาณ 30-35 เซนติเมตร ให้ถอนต้นผักบุ้งจีนออกจากแปลงปลูกทั้งต้นและราก ควรรดน้ำก่อนถอนต้นผักบุ้งจีนขึ้นมาจะถอนผักบุ้งจีนได้สะดวก รากไม่ขาดมาก หลังจากนั้นล้างรากให้สะอาด เด็ดใบและแขนงที่โคนต้นออก นำมาผึ่งไว้ ไม่ควรไว้กลางแดดผักบุ้งจีนจะเหี่ยวเฉาได้ง่าย จัดเรียงต้นผักบุ้งจีนเป็นมัด เตรียมบรรจุภาชนะเพื่อจัดส่งตลาดต่อไป
สภาพที่เหมาะสม
ผักบุ้งจีนสามารถปลูกได้ทั้งบนบกและในน้ำ และสามารถปลูกได้ในดินแทบทุกชนิด ดินที่เหมาะสมในการปลูกผักบุ้งจีนเพื่อการบริโภคสดเป็นดินร่วน หรือดินร่วนปนทราย ผักบุ้งจีนชอบชื้นแฉะต้องการความชื้นในดินสูงมาก อุณหภูมิที่เหมาะสมในการเจริญเติบโตอยู่ในช่วงที่สูงกว่า 25 องศาเซลเซียส ต้องการแสงแดดเต็มที่ ซึ่งประเทศไทยสามารถปลูกได้ดีตลอดไป
วันศุกร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)